ความหมายของบ้านนั้นถือว่า เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ให้ความรัก ความอบอุ่น ความปลอดภัย ปกป้องจากภัยธรรมชาติ เป็นศูนย์กลางที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและสร้างความสัมพันธ์อันดีครอบครัว หมายถึง หน่วยหนึ่งของสังคม เกิดจากสมาชิกที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ให้การศึกษาอบรมเลี้ยงดู
ความหมายของคำว่า “บ้าน” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน “บ้าน” หมายถึง ที่อยู่อาศัย อาคารสำหรับอยู่อาศัย เช่น บ้านพักตากอากาศ ปล่อยเช่า อาคารหรืออาคารที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้พักอาศัย รวมทั้งแพหรือเรือที่จอดอยู่เป็นประจำ
ความสำคัญของครอบครัว การศึกษา การเลี้ยงดู การถ่ายทอดประสบการณ์และการสร้างประสบการณ์ แก่สมาชิกที่อยู่ร่วมกันตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยผู้ใหญ่ ให้ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความห่วงใย ความอาทร สร้างความเข้าใจ มุ่งมั่น เข้าใจ และสร้างสมาชิกในครอบครัวที่มีอุดมการณ์ คุณสมบัติที่สังคมต้องการปัญหาครอบครัว
ความหมายของสวน
สวน หมายถึงบริเวณต่างๆหรือเขตที่เราปลูกต้นไม้ไว้จำนวนมาก ส่วนมากนั้นจะเป็นการปลูกภายนอกอาคาร สำหรับเพื่อการแสดง เพาะปลูก และเพื่อให้ความเพลิดเพลิน สวนอาจเป็นทั้งสวนธรรมชาติหรือทำจากวัสตุที่มนุษย์สร้างขึ้น สวนโดยทั่วไปเช่นสวนตามบ้านพักอาศัย ส่วนสวนที่จำลองบรรยากาศธรรมชาติในสวนสัตว์ เรียกว่า สวนสัตว์ป่า
ชาวตะวันออกนั้นจะมีธรรมเนียมการจัดสวนตามแบบฉบับของตนเอง หรือที่เรียกว่า สวนเซ็น จะใช้พืชอย่าง พาร์สลีย์ ส่วนสวนแบบ Xeriscape จะใช้พืชท้องถิ่นที่ไม่ต้องการน้ำหรือสิ่งที่สิ้นเปลืองแต่ยังคงได้รับประโยชน์จากสภาพแวดล้อมสวน หรือจะเป็นการตกแต่งเสริมด้วยอิฐแดง รอบโคนต้น รวมถึงส่วนประกอบเกี่ยวกับน้ำ อย่างเช่น น้ำพุ บ่อน้ำ น้ำตกหรือ ลำธาร รูปปั้น ซุ้มไม้ โครงไม้ระแนง และอื่น ๆ
ประเภทของบ้าน
การแบ่งประเภทของบ้านนั้นจะแบ่งตามลักษณะของการอยู่อาศัยบ้างก็มาจากการเป็นศัพท์ทางสถาปัตยกรรมศาสตร์และอ้างอิงจากผังเมืองอีกด้วยมีประเภทใหญ่ๆ อยู่ 5ประเภท ดังนี้
- ทาวน์เฮาส์
- อะพาร์ตเมนต์/แฟลต
- คอนโดมิเนียม
- แมนชัน
- วิลลา
ลักษณะของบ้านเดี่ยว
บ้านชั้นเดียว
บ้านสองชั้น
บ้านสามชั้น
บ้านสี่ชั้นหรือมากกว่านั้น
ประโยชน์และความสำคัญในการจัดสวน
- เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ
- เป็นพื้นที่สร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น
- สร้างความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์·
- ลดความร้อนของบริเวณรอบข้าง
ประเภทของสวน
- สวนประดิษฐ์ [Formal styles] พื้นที่ในการจัดสวนแบบประดิษฐ์จะเป็นพื้นที่ราบเรียบได้ระดับ ไม่นิยมพื้นที่ ที่มีระดับสูง ๆ ต่ำๆ การจัดวางต้นไม้หรือ วัตถุ จะต้องทำให้เกิด ความสมดุลแบบประดิษฐ์ หรือ Formal balance นั้นเอง
- สวนธรรมชาติ (Informal styles) พื้นที่ในการจัดสวนแบบธรรมชาติจะจัดให้เป็นเนินหลั่นกัน มีพื้นที่สูง ๆ
ต่ำๆ สลับกับที่ราบเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ การจัดวางต้นไม้และวัตถุจะต้องเกิดความสมดุลแบบธรรมชาติ หรือ Informal balance นั่นเอง ชนิด รูปทรงและขนาด จำนวน และ ระยะห่าง ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรือเท่ากัน ใช้ความชำนาญของสายตาพิจารณาน้ำหนักสีของต้นไม้หรือวัตถุทั้งสองข้าง หากน้ำหนักเท่ากัน หรือใกล้เคียงกันก็ถือว่า ทั้งสองข้างนั้นสมดุลกัน (แบบธรรมชาติ) - สวนจินตนาการ (Imaginative Style) สวนในลักษณะนี้จะจัดกันน้อย และมักจะจัดเฉพาะในโอกาสพิเศษ หรือเพื่อการแสดง นิยมนำสิ่งก่อสร้างบางส่วน ทางสถาปัตยกรรมในอดีตมาเป็นส่วนประกอบในสวน เช่น เอาสไตล์ของเสากรีกโรมัน กำแพงเมือง ซุ้มประตู หรือบางส่วน บางมุมของตัวอาคารมาใช้ต้นไม้ที่ นิยม ตัดแต่งรูปเป็นลักษณะพิเศษตาม จินตนาการ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศและเนื้อหาที่จัดแสดง บาง ลักษณะจะตัดแต่ง ต้นไม้เป็นเรื่องราวของคน สัตว์และสิ่งก่อสร้าง